วันจันทร์ที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

แหล่งที่ 5 - สวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์


แห่งที่ 5 ก็คือสวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ที่ อ.แม่ริม เดินทางจากเชียงใหม่โดยใช้ทางหลวงหมายเลข 107 พอถึงแม่ริมแล้วเลี้ยวซ้ายไปทางที่จะไป อ.สะเมิง


สวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ ตั้งอยู่ในพื้นที่จำนวน 3,500 ไร่ ทางเข้าอยู่ด้านซ้ายมือบริเวณหลักกิโลเมตรที่ 12 สายแม่ริม-สะเมิง จัดทำเป็นสวนพฤกษศาสตร์ที่สมบูรณ์แบบที่สุดในประเทศไทยและมีมาตรฐานระดับนานาชาติ เป็นแหล่งรวบรวมพรรณไม้ชนิดต่างๆ โดยเฉพาะไม้ประจำถิ่นและไม้ที่กำลังจะสูญพันธุ์ เพื่อจัดปลูก ขยายพันธุ์ และศึกษาวิจัย


 ต้องซื้อตั๋วเข้าชมกันเสียก่อน

ใครขี้เกียจเดิน ก็จะมีรถบริการคนละ 30 บาท




ป้ายแสดงแหล่งท่องเที่ยวด้านหน้า

รถจะไปส่งที่กลุ่มอาคารเรือนกระจก ซึ่งเป็นจุดเด่นของที่นี่ ที่ใครๆก็ต้องมาชม
กลุ่มอาคารเรือนกระจกเฉลิมพระเกียรติ  ประกอบด้วยเรือนกระจก 12 โรงเรือนภายใน จัดปลูกตกแต่งพรรณไม้ไว้อย่างสวยงาม โดยเฉพาะพรรณไม้หายากและมีความโดดเด่น เป็นพิเศษ เป็นสถานที่ที่นักวิชาการ นักเรียน นักศึกษา และประชาชนทั่วไป ทั้งผู้สูงอายุ และเด็กๆ สามารถเข้าเที่ยวชม เรียนรู้สัมผัสคุณค่าและความงดงามของพรรณไม้ได้ตลอดทั้งปี ทุกฤดูกาล
เรือนกระจก เป็นโรงเรือนที่ได้รับการจัดสร้างขึ้น เพื่อให้เป็นสถานที่จัดแสดงพืชภายใน มีการจัดปลูกและตกแต่งด้วยพืช ประเภทเดียวกันชนิดต่างๆ ให้อยู่ในสภาพที่ใกล้เคียงธรรมชาติมากที่สุด สามารถควบคุมความชื้น  แสงหรืออุณหภูมิ  ได้ในระดับหนึ่ง  ให้ใกล้เคียงกับสภาพ ธรรมชาติที่พืชต้องการ









 เรือนกล้วยไม้และเฟิน ภายในมีการจัดแสดงโดยเน้นกล้วยไม้ไทยเป็นหลัก และเสริมพื้นล่างด้วยเฟิน และเพิ่มความหลากหลายด้วยไม้พื้นชุ่มน้ำบางชนิดมีการตกแต่ง ภายในเป็นน้ำตก และลำห้วยที่มีน้ำไหลตลอดเวลา

ป่าดิบชื้น อันนี้น่าสนใจมาก เป็นโรงเรือนขนาดใหญ่ที่สุด จัดแสดงสภาพป่าและพันธุ์ไม้ป่าดงดิบ พื้นล่าง มีขนาด กว้าง  1,000 ตรม . ความสูง  35 เมตร   สร้างบรรยากาศภายในด้วย เครื่องพ่นหมอกให้มีความชุ่มชื้นสูง    สามารถปลูกพืชโดยเฉพาะพรรณไม้ ป่าดิบชื้น   ป่าดิบเขา   และ พืชที่ต้องการความชุ่มชื้นสูง    จึงสามารถปลูกพืช ที่นำมาจากประเทศเพื่อนบ้าน  เช่น จีนตอนใต้ ลาว เมียนม่าห์ กัมพูชา เวียดนาม มาเลเซีย  และอินโดนีเซีย  ฯลฯ ความชื้นภายในควบคุมด้วยระบบละอองไอน้ำพ่น ฝอยอัตโนมัติ เพื่อให้ภายในโรงเรือน มีความชุ่มชื้นสูงทั่วถึงทุกจุด นอกจากนี้ยังมีการตกแต่งพื้นที่เป็นเนินเขาและน้ำตก เพื่อเพิ่มความหลาก หลายของภูมิทัศน์       และช่วยกระจายความชุ่มชื้นภายในอาคาร ตกแต่งด้วยพันธุ์ไม้ไทยหายาก  และพันธุ์ไม้ป่าดิบชื้น  มีทางเดินยกระดับ เพื่อให้ผู้เยี่ยมชม ได้ชื่นชมความสวยงามของเรือนยอดพืชจากมุมสูงอย่างทั่ว




เรือนพืชทนแล้ง



นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งที่นำมาให้ชมเท่านั้น ความจริงยังมีมากกว่านี้อีกหลายเท่า ถือว่าสวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์แห่งนี้ เป็นสถานที่สำคัญอีกแห่งหนึ่ง ที่ใครมาเชียงใหม่แล้วสมควรจะต้องไปเยือน



สวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์



แหล่งที่ 4 - อ่างเก็บน้ำห้วยตึงเฒ่า


แห่งที่ 4 จะพาไปชมอ่างเก็บน้ำห้วยตึงเฒ่าอันเปรียบเสมือนทะเลของเชียงใหม่ ซึ่งเป็นแหล่งพักผ่อนหย่อนใจที่อยู่ไม่ไกลจากตัวเมืองเท่าใดนัก

 การเดินทางจากตัวเมือง เริ่มต้นจากสนามกีฬาสมโภชเชียงใหม่ 700 ปี เลียบคลองชลประทาน ผ่าน โรงเรียนนวมินทร์ ฯ ไปไม่ไกล ก็จะเจอทางเลี้ยวซ้ายข้ามสะพานคลองชลประทาน เข้าสู่อ่างเก็บน้ำห้วยตึงเฒ่า


อ่างเก็บน้ำห้วยตึงเฒ่า ตั้งอยู่ที่ตำบลดอนแก้ว อำเภอแม่ริม เป็นโครงการหมู่บ้านตัวอย่างตามพระราชดำริ และจัดทำเป็นแหล่งท่องเที่ยวในพื้นที่เขตทหาร  ก่อสร้างขึ้นตามพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ฯ ซึ่งได้เสด็จทรงเยี่ยมศูนย์เกษตรกรรมทหาร จังหวัดทหารบกเชียงใหม่   เมื่อ ๑๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๒๓

เนื่องจากได้ทรงทราบปัญหาการขาดแคลนน้ำ ทั้งที่ใช้ในศูนย์เกษตรกรรมทหารฯ และราษฎรบริเวณใกล้เคียง จึงทรงมีพระราชดำริให้ทำการสำรวจแหล่งน้ำเพื่อจัดสร้างแหล่งน้ำไว้แก้ปัญหา  ต่อมาจึงมีพระราชดำริให้สร้างอ่างเก็บน้ำขึ้น ณ พื้นที่ห้วยตึงเฒ่าแห่งนี้ โดยทรงกำหนดแนวสันเขื่อนด้วยพระองค์เอง และกำหนดชื่อว่า อ่างเก็บน้ำห้วยตึงเฒ่า  มีพื้นที่ประมาณ ๑๐ ไร่ ๔ งาน ความจุ ๑.๔ ล้านลูกบาศก์เมตร















มองข้ามฝั่งไปจะเห็นแพขายอาหารอยู่ลิบๆ ป้ายบริเวณแถบร้านอาหาร จุดนี้จะเรียกกันว่าหาดทรายขาว















อ่างเก็บน้ำห้วยตึงเฒ่า



แหล่งที่ 3 - บ้านถวาย


แห่งที่ 3 เคยโด่งดังมาก่อน แต่ปัจจุบันค่อนข้างซบเซา นั่นก็คือบ้านถวายซึ่งตั้งอยู่ที่ ต.ขุนคง อ.หางดง จ.เชียงใหม่


อาคารศูนย์การเรียนรู้ชุมชนบ้านถวาย




บ้านถวายเป็นหมู่บ้านหัตถกรรมไม้แกะสลัก ถือว่าเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมที่ขึ้นชื่อที่สุดของ จ.เชียงใหม่ เป็นศูนย์รวมของสินค้าหัตถกรรมทุกแขนงทั่วประเทศ เป็นหมู่บ้านหัตถกรรมที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย






อาคารนี้อยู่ใจกลางบ้านถวายเลย














บ้านถวาย



แหล่งที่ 2 - เชียงใหม่ไนท์ซาฟารี


แห่งที่ 2  อยู่ไม่ไกลกัน นั่นก็คือเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี ซึ่งตั้งอยู่ในเขตพื้นที่อุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย ตำบลแม่เหียะ ห่างจากใจกลางเมืองเชียงใหม่ 12 กิโลเมตรเท่านั้น การเดินทางจากตัวเมืองเชียงใหม่ใช้ทางหลวงหมายเลข 108 (เชียงใหม่ – หางดง)แล้วเลี้ยวขวาเข้าถนนราชพฤกษ์ประมาณ 4 กิโลเมตร


เข้ามาด้านในแล้วพนักงานแนะนำว่าช่วงนี้ให้ไปเดินชมธรรมชาติก่อน เวลา 19.15 น.ให้ไปขึ้นรถพ่วงไปชมสัตว์ในโซนที่ 1 จากนั้นเวลา 20.00 น.ให้ไปชมน้ำพุดนตรีที่ทะเลสาบ จบแล้วเวลา 20.30 น.ให้ไปขึ้นรถพ่วงอีกที่หนึ่ง เพื่อไปชมสัตว์ในโซนที่ 2


ทะเลสาบSwan Lakeเบื้องหน้า


มีแผนที่แสดงเส้นทางให้ดู โซนJaguar Trailนี้ เป็นเส้นทางเดินชมสัตว์ป่าขนาดเล็กอยู่รอบบริเวณทะเลสาบ Swan Lake โซนแห่งนี้มีการจัดสวนไม้ป่าและไม้ดอกรายล้อมอยู่ริมทาง และเน้นให้สัมผัสกับการศึกษาธรรมชาติ คือสวนที่มีสัตว์เป็นองค์ประกอบ รวมทั้งสัตว์ป่าขนาดเล็กน่ารักประมาณ 50 ชนิด รวมกว่า 400 ตัว


เชียงใหม่ไนท์ซาฟารี


แหล่งที่ 1 - วัดพระธาตุดอยคำ



แห่งแรกที่จะขอแนะนำคือวัดพระธาตุดอยคำ การเดินทางใช้เส้นทางเดียวกับทางที่จะไปพืชสวนโลก


เลาะรั้วพืชสวนโลกมาทางด้านขวาไม่นานก็จะถึงทางเข้าวัด


ต้องเลี้ยวซ้ายเข้าไปค่ะ ช่วงนี้จะเป็นทางขึ้นเขา รถจะต้องมีสมรรถนะดีพอสมควรนะคะ เรียกว่าบางช่วงชันกว่าดอยสุเทพเสียอีก


วัดพระธาตุดอยคำ เดิมชื่อวัดสุวรรณบรรพต แต่ชาวบ้านเรียกว่าวัดดอยคำ สร้างมาตั้งแต่สมัยพระนางจามเทวี จนกลายเป็นวัดร้าง และได้มีการบูรณะขึ้นใหม่เมื่อปีพ.ศ.2524 เป็นต้นมา



ขึ้นไปถึงบริเวณวัดด้านบน ก็เจอกับพระพุทธรูปองค์ใหญ่นามว่า"พระพุทธนพีสีพิงค์"


พระธาตุดอยคำองค์เจดีย์เป็นศิลปกรรมแบบล้านนา รูปแบบเจดีย์ทรงกลม โดยดัดแปลงมาลัยเถาให้เป็นเหลี่ยม


ลานชมวิวสร้างโดยงบประมาณขององค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ โดยมีพนักงานบริษัทการบินไทยร่วมสมทบทุนในการสร้าง



วัดพระธาตุดอยคำ